sukit | 27 Jan 2023 13:04 IP Address: |
Administrator |
วัฒนธรรมภาคเหนือ ประเพณี ศาสนา ความเชื่อ
วัฒนธรรมภาคเหนือ ภาคเหนือมีลักษณะเป็นแนวเขา สลับกับที่ ราบ ผู้คนจะกระจายตัวอยู่เป็นกรุ๊ป มีวิถีชีวิต และก็ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นของตัวเอง แม้กระนั้นก็มีการ ติดต่อระหว่างกัน วัฒนธรรมของภาคเหนือหรือ บางทีอาจเรียกว่า โกรุ๊ปวัฒนธรรมล้านนาโ ซึ่งเป็น วัฒนธรรมโบราณแล้วก็มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล อีกทั้ง สำเนียงการพูด การร้องเพลง รำ หรือการจัด งานกินเลี้ยงสถานที่สำคัญซึ่งมีแต่โบราณ ยกตัวอย่างเช่น พระบรมสารีริกธาตุภูเขาสุเทพ วัดเจดีย์หลวง ฯลฯ วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา ความเลื่อมใส ความศรัทธาเกี่ยวกับการเชื่อถือผี คนเหนือหรือที่เรียกกันว่า โชาวล้านนาโ มีความเชื่อในประเด็นการเชื่อถือผีตั้งแต่เดิม โดย มั่นใจว่าสถานที่เกือบทุกที่ มีผีให้ความปกป้องรักษาอยู่ ความศรัทธานี้ก็เลยมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทุกวัน มองเห็นได้ จากขนบประเพณี จารีตประเพณี และก็พิธีบูชาต่างๆของชาว เหนือ ยกตัวอย่างเช่น คนเฒ่าคนแก่คนเหนือ (บิดาอุ๊ยตายแม่อุ๊ยตาย) เมื่อไปวัดฟัง ธรรมก็จะประกอบพิธีเลี้ยงผีหมายถึงหาของคาว-หวานสังเวย บวงสรวงผีปู่ย่าด้วย ผีที่มีความหมายต่อวิถีชีวิตของชาวล้านนา ดังเช่น โ ผีบรรพบุรุษ มีบทบาทปกป้องญาติรวมทั้งครอบครัว โ ผีป้องกัน หรือผีเจ้าที่เจ้าทาง มีบทบาทคุ้มครองป้องกันบ้านเรือนและก็ชุมชน โ ผีขุนน้ำ มีบทบาทให้น้ำแก่นา โ ผีฝาย มีบทบาทคุ้มครองป้องกันเมืองฝาย โ ผีสบน้ำ หรือผีปากน้ำ มีบทบาทคุ้มครองป้องกันรอบๆที่แม่น้ำสองสายมาบรรสิ้นสุดกัน โ ผีวิญญาณประจำข้าว เรียกว่า เจ้าแม่โพสพ โ ผีวิญญาณประจำแผ่นดิน เรียกว่า เจ้าแม่พื้นดิน ในทุกวันนี้เรื่องสำหรับในการเชื่อถือผีและก็ขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวพัน มีการเปลี่ยนแล้วก็เหลือลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน เขตเมือง แต่ว่าในต่างจังหวัดยังคงมีการปฏิบัติกันอยู่ คนล้านนามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับการเชื่อถือผี สามารถประสบพบเห็น ได้จากการดำรงชีวิตทุกวันของชาวเมืองเอง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อในขณะที่จำต้องเข้า ป่าไปพบของกิน หรือจะต้องค้างค้างคืนอยู่ในป่า ชอบจำเป็นต้องบอกเล่าพระภูมิ เจ้าทางเสมอ และก็เมื่อในช่วงเวลาที่รับประทานข้าวในป่า ก็ชอบแบ่งของกินให้เจ้าที่เจ้าทางด้วย ด้วยเหมือนกัน นอกจากเมื่อเวลาจะอยู่ ที่ไหนก็ช่างไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือใน ป่า เมื่อตอนที่จะต้องถ่ายหรือเยี่ยว ก็ชอบจำเป็นต้องขอจากพระภูมิก่อน อยู่ตลอด กลุ่มนี้ชี้ให้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนกรุงผูกผันอยู่กับการเชื่อถือผี การเลี้ยงผีของคนล้านนาจะอยู่ในตอนระหว่างเดือน 4 เหนือ จนกระทั่ง ถึงเดือน 8 เหนือ ช่วงนี้พวกเราจะพบว่าตามหมู่บ้านต่างๆในภาค เหนือจะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษกันเป็นอย่างมาก ได้แก่ ที่อำเภอเชียง คำ จังหวัดพะเยา ก็จะมีการเลี้ยงผีเสื้อบ้านเสื้อเมือง ซึ่งเป็นผีบรรพ ผู้ชายของชาวไทลื้อ พอเพียงภายหลังจากนี้อีกไม่นานก็จะมีการเลี้ยงผีลัวะ หรือ จารีตบูชาเสาอินทขิล ซึ่งเป็นจารีตประเพณีดั้งเดิมของชาวเมือง แล้วก็ยัง ไม่นับรวมทั้งการ เลี้ยงผีมด ผีเม็ง แล้วก็การเลี้ยงผีปู่แสะคุณย่าแสะของ ชาวลัวะ ซึ่งจะทยอยทำกันหลังจากนี้ ในตอนกึ่งกลางหน้าร้อนจะมีการลงเจ้าทรงเจ้าตามหมู่บ้านต่างๆดังนี้อาจเกิดจากความเชื่อถือของประชาชนที่ ว่า การลงเจ้าเป็นการพบปะสนทนากับผีบรรพบุรุษ ซึ่งในปีหนึ่งจะมีการลงเจ้าหนึ่งครั้ง แล้วก็สำหรับในการลงเจ้าครั้ง นี้ จะฉวยโอกาสประกอบพิธีรดน้ำดำหัวผีบรรพบุรุษไปด้วย ยังมีพิธีการเลี้ยงผีอยู่พิธีการหนึ่งที่ชอบปฏิบัติกันในระยะเวลา นี้ รวมทั้งที่สำคัญในปีหนึ่งจะประกอบพิธีนี้เพียงแค่ครั้งเดียวแค่นั้น มันก็คือ โการเลี้ยงผีมดผีเม็งโ ประชาชนที่ประ กอบพิธีการนี้ขึ้นพูดว่า การเลี้ยงผีมดผีเม็งจะเลี้ยงอยู่ 2 กรณีเป็นเมื่อเวลามีผู้บาดเจ็บเจ็บป่วย ป่วยไข้ในหมู่บ้าน จะ ประกอบพิธีบนผีเม็ง เพื่อขอใช้ช่วยรักษา เมื่อในตอนที่หายแล้วจำเป็นจะต้องประกอบพิธีเชิญชวนวิญญาณผีเม็งมาลง รวมทั้งหา ดนตรีมาเล่น เพื่อเพิ่มความสนุกสนานร่าเริงแก่ผีมด ผีเม็งด้วย อีกกรณีหนึ่งเมื่อปลอดคนป่วยไข้ในหมู่บ้านจำเป็นจะต้อง ประกอบพิธีเลี้ยงผีมดผีเม็งทุกปี โดยต้องหากาลยามที่สมควร และก็ต้องทำระหว่างระยะเวลาเดือน 4 เหนือ ถึงเดือน 8 เหนือ ก่อนเข้าพรรษา เนื่องจากถ้าเกิดไม่ประกอบพิธีผีมดผีเม็งอาจจะไม่ป้องกันคนภายในหมู่บ้านก็ได้ ดัง นั้นเมื่อใกล้ถึงระยะเวลาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พวกเราชอบเจอภาพพิธีการกลุ่มนี้ตามหมู่บ้านต่างๆคนล้านนากับความศรัทธาสำหรับในการเลี้ยงผี นับว่าเป็นพิธีบูชาที่สำคัญของเรา ถึงแม้การดำรงชีพของ พวกเขาจะราบรื่นไม่ประสบพบปัญหาใด แม้กระนั้นภายใต้ความสำนึกที่จริงจริงแล้ว คนล้านนาพวกนี้ไม่บางทีอาจเลือน วิญญาณของผีบรรพบุรุษ ที่เคยช่วยเหลือให้พวกเขามีชีวิตที่ธรรมดาสุขมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า หากแม้เวลาจะแปร แปรไปเช่นไร ภาพที่พวกเรายังคงพบเจอได้เสมอเมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆในบ้านนอก ก็คือ เรือน เล็กๆข้างหลังเก่าตั้งอยู่กึ่งกลางหมู่บ้าน มันก็คือ โหอพักพระภูมิประจำหมู่บ้านโ ที่ยังย้ำเตือนให้พวกเขาไม่ให้หลงไหล ไปกับกระแสสังคมนั่นเอง วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่น จารีตของภาคเหนือ มีลักษณะเป็นพิธีบูชาที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีการดำเนินชีวิต ที่เกิดขึ้นจากการประสมประสาน ระหว่างศาสนาพุทธกับความเลื่อมใส ในหัวข้อการเชื่อถือผี ทำให้มีขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งรูปแบบของ จารีตประเพณีจะนานับประการตามฤดูกาล เป็น ขั้นแรก (ม.ย.ถึงเดือนมิถุนายน) เป็นช่วงๆการเริ่มต้นปีใหม่หรือ วันสงกรานต์งานขนบธรรมเนียม ก็เลยเกี่ยวกับการทำบุญ เพื่อความเป็นมงคล ต้อนรับชีวิตใหม่ แล้วก็อุทิศส่วนบุญบุญกุศลไปให้แก่บรรพบุรุษ มีการเลี้ยง ผีและก็รำผี เพื่อขอฝนช่วยทำให้กำเนิดความอุดมสมบูรณ์ข้างในไร่ ตอนลำดับที่สอง (มิ.ย.ถึงต.ค.) เป็นช่วงๆของการเพาะปลูก แล้วก็เป็นเข้าพรรษา ขนบธรรมเนียมก็เลยเกี่ยวเนื่องกับการประกอบ อาชีพรวมทั้งศาสนา ตอนลำดับที่สาม (ต.ค.ถึงม.ย.) เป็นตอนของการเก็บเกี่ยวพืช ผลแล้วก็เทศกาลวันออกพรรษา นับได้ว่าเป็นเวลาที่การพักผ่อนหย่อนใจงาน ขนบธรรมเนียม ก็เลยเป็นงานฉลองแล้วก็การทำบุญที่เกี่ยวศาสนา จารีตประเพณีวันสงกรานต์ คนเหนือมีขนบธรรมเนียมวันสงกรานต์ที่ราวคนไทยภาคอื่นเป็นมี การทรงน้ำพุทธรูป มีจารีตประเพณีขนทรายเข้าวัด ขนบธรรมเนียมรดน้ำ ดำรง ขอพรจากผู้ใหญ่ สิ่งที่เป็นประเพณีพื้นบ้านเป็นมีการทำ บุญมอบให้ขันข้าวที่มอบให้ตุง และก็ไม้ค้ำสะหลีหรือไม้ค้ำโพธิ์ เพื่ออุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่วิญญาณผีบรรพบุรุษ รวมทั้งสำเร็จบุญสำหรับตัวเอง จารีตสืบชะตา ชาวล้านนามีความเห็นว่า กระบวนการทำพิธีการสืบชะตาจะช่วยยืดอายุให้ตน เอง วงศาคณาญาติ รวมทั้งชาติบ้านเมืองให้ยืนยาว ทำให้มีการเกิดความรุ่งโรจน์ และก็ความเป็นมงคล โดยแบ่งการสืบชะตาแบ่งได้ 3 ชนิด เป็น โ การสืบชะตาคน นิยมทำกันหลายช่องทาง ดังเช่น วันเกิด วันที่ โ ได้รับตำแหน่งตำแหน่ง วันขึ้นประเทศชาติ โ การสืบชะตาบ้าน เป็นการสืบชะตาชุมชนหรือหมู่บ้าน เพื่อกำเนิดมงคลขจัดปัดเป่าทุกภัยต่างๆนิยมจัดเมื่อผ่านตอนวันสงกรานต์ไปแล้ว การสืบชะตาเมือง เป็นพิธีการที่จัดขึ้นด้วยความศรัทธาว่าเทพจะช่วยให้ความสบายให้ชาติบ้านเมือง รุ่งเรือง สมบูรณ์บริบูรณ์ ในอดีตกาลในหลวงเป็นประธานในพิธีการสืบชะตาเมือง วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับประเพณีพื้นบ้าน จารีตประเพณีปอยน้อย เป็นจารีตบรรพชา หรือการบวชของคนเหนือจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันในบางแคว้น อย่างเช่น ปอยน้อย ปอย บรรพชา ปอยลูกแก้ว ปอยหายทดลอง นิยมจัดด้านในก.พ.หรือมี.ค. ซึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ใน พิธีการบรรพชาจะมีการจัดงานฉลองเป็นอย่างมากใหญ่ มีการที่ลูกแก้วหรือผู้บรรพชาที่จะแต่งตัวอย่างงดงามแบบ กษัตริย์หรือพระราชโอรส เนื่องจากถือแบบอย่างว่าพระราชโอรสสิทธัตถะได้เสด็จบวชจนกระทั่งรู้แจ้ง การแห่นิยมให้ลูกแก้วขี่ม้าหรือขี่ขอคน มีการร้องรำกันอย่างสนุกสนาน สนาน ในงานนี้จะมีผลให้เด็กผู้ชายปกติเปลี่ยนเป็น โลูกแก้วโ หรือโเด็กมีค่าเสมือนแก้วโ บางเขตแดนการอุปสมบทลูกแก้วเป็นการเปิด จังหวะให้คนที่ไม่ใช่บิดามารดาหรือญาติพี่น้องด้วยกันเป็นเจ้าภาพด้วย เพื่อ เป็นการแบ่งบุญและก็ช่วยส่งเสริมค่าใช่จ่ายสำหรับการจัดงาน ผู้จัดงาน จะเรียกว่า โบิดาออก หรือพ่อที่การจากไปโ จากชีวิตทางโลก ของผู้บรรพชา แล้วก็ผู้บรรพชาจะปฏิบัติตัวต่อบิดาออกเสมือนเป็นบิดามารดาจริงๆบิดาออกรวมทั้งลูกแก้วก็เลยกำเนิดความสัมพันธ์กัน เรียกได้ว่าเป็นการสร้าง ความเกี่ยวพันที่ดีต่อกันระหว่างคนภายในสังคม ปัจจุบันนี้ขนบธรรมเนียมบรรพชาลูกแก้วที่โด่งดังเป็น ขนบธรรมเนียมบรรพชาลูกแก้ว ที่จังหวัดแม่ฮองสอน เมื่อข้าวเหนียวสุก แล้วจะนำออกมาจากหวดมาผึ่งบนภาชนะที่เรียกว่า โกั๊ว หรือกระโบมโ ซึ่งเป็นภาชนะที่เหมือนรูปตะกร้าที่ ทำด้วยไม้ เพื่อข้าวเหนียวไม่เฉอะแฉะ และก็ใส่ข้าวเหนียวลงภาชนะจักสานที่เรียกว่า ก่องหรือกระติเตียนบ ในภาค อีสาน ทำให้ข้าวเหนียวอุ่นอยู่ได้นานจนกระทั่งเวลากิน ขนบธรรมเนียมแห่นางแมว (ขณะ โดยประมาณพ.ค.ถึงส.ค.) การเลี้ยงชีพทางเกษตรในอดีตนั้น จะต้องพึ่งพาอาศัยภาวะลมฟ้าอากาศ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ หากปีไหนฝนดีต้นกล้าในนาก็งอกงามดี ถ้าเกิดปีใดฝนไม่ตก หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดู ต้นกล้าในทุ่งนา ก็จะเสียหาย ไม่มีน้ำจะทำไร่ทำนาราษฎรไม่มีขั้นตอนการอื่นใดที่สามารถจะช่วยได้ ก็เลยพึ่งพาอาศัยสิ่งเหนือธรรมชาตินาๆประการตัวอย่างเช่น ประกอบพิธีขอฝนโดยการแห่นางแมว เช้าใจกันว่าแม้ปฏิบัติแบบนั้นแล้วจะช่วยทำให้ฝนตกลงมาได้ พิธีการ นำชลอมมาตกแต่งให้เกิดความสวยสดงดงาม ใส่แมวไว้ภายในผูกผูกให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างหลังใส่เกี้ยวหัวด้านหลังสองคนแห่ไป บริเวณหมู่บ้านโดยมีกลองยาวนำขบวน พร้อมด้วยร้องแห่นางแมว ผ่านหน้าบ้านผู้ใดกัน เจ้าของบ้านก็จะเอา กระบวยตักน้ำมาสาดรดแมว พร้อมด้วยให้รางวัลแก่พวกแห่ เป็นต้นว่า สุรา ข้าวปลา หรืออาหารอื่นๆแล้วเขยื้อน ถัดไปเรื่อยจนกระทั่งสิ้นสุดหมู่บ้าน ก็นำของนั้นมาเลี้ยงกัน ปฏิบัติดังต่อไปนี้ตราบจนกระทั่งฝนจะตก เนื้อร้องเพลงแห่นาง แมว มีดังตั้งแต่นี้ต่อไป วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับที่พักที่อาศัย จุดแข็งชัดในทางสังคมและก็วัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชุมชนในภาคเหนือ ที่แตกต่างจากภาคอื่นๆก็หมายถึงบรรดาชุมชนหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในช่องเขาเดียวกันนั้น ควรจะมี ความเชื่อมโยงกันด้านสังคม เศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด ก็เลย จะอยู่ร่วมกันได้ สิ่งนี้แลเห็นได้จากการร่วมแรงกันสำหรับการทำให้มีการ ชลประทาน เหมืองฝายขึ้น มันก็คือแต่ละชุมชนต้องมาร่วมกันทำ ฝายหรือทำนบ รวมทั้งขุดลอกลำเหมืองเพื่อระบาย น้ำจากฝายที่ กันลำธารไปเลี้ยงนาของแต่ละชุมชน ดังนี้เป็นเพราะเหตุว่าในแต่ละหุบ เขานั้น ลักษณะตำแหน่งที่ตั้งเป็นที่ลาดลงสู่รอบๆที่เป็นแอ่งตอน กึ่งกลางที่มีสายธารไหลผ่าน ลำธารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากลำน้ำ หรือสายธาร สาขาที่ไหลลงจากที่สูงทั้งสองข้างช่องเขามาสมทบด้วย ปริมาณลำ น้ำกลุ่มนี้มีจำกัดไม่พอแก่การเพาะปลูกของมนุษย์ทั่วๆไป ก็เลยจำ เป็นจะต้องทำฝายกั้นน้ำและก็ขุดเหมืองจากรอบๆสายธารหรือธารน้ำนั้น เข้าไปเลี้ยงนาและก็เพื่อการใช้น้ำของ ชุมชน ก็เลยควรจะมีการออกแรงด้วยกัน กำเนิดมีกฎที่ต้องปฏิบัติรวมทั้งแบบแผนสำหรับเพื่อการร่วมมือกันทำเหมืองฝายมาแต่ว่า โบราณ ก็เลยเป็นกิจกรรมที่กษัตริย์เจ้าผู้ครองเมืองหรือนายบ้าน ควรต้องรอควบคุมดูแลให้มีการร่วมมือกัน แล้วก็ลง โทษคนที่ไม่ร่วมมือแต่ลักน้ำลักขโมยน้ำจากคนอื่นๆ ก็เลยกำเนิดมีข้อบังคับโบราณขึ้นที่เรียกว่า โข้อบังคับมังรายโมั่นใจว่าพญามังรายผู้ผลิตประเทศล้านนาเป็นผู้ข้อกำหนดขึ้น ที่พักที่อาศัย วัฒนธรรมจารีต ภาวะภูมิอากาศ มีส่วนระบุลักษณะที่พักที่อาศัยของคนเรา บ้านที่พัก ในภาคเหนือ นิยมสร้างด้วยสิ่งของธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตแดนสอดคล้องกับวิถีชีวิต ตัวบ้านมีขนาดเล็กใต้ถุน สูง หลังคาทรงจั่ว เสริมแต่งยอดหลังคาด้วยไม้แกะขัดกัน เรียกว่า โกาแลโ คนเหนือที่มีฐานะดีจะอยู่ เรือนที่ออกจะมีขนาดใหญ่และก็ประณีตและวิจิตรบรรจงมากขึ้นเรื่อยๆ กาแลเป็นไม้ประดับยอดจั่วหลังคาของบ้านล้านนาภาคเหนือ ของพวกเรา มีประวัติและก็ที่มาที่ไปหลาก หลายสิ่งหลายอย่าง แม้กระนั้นถ้าหากไต่ตรอง ณาในเชิงช่างแล้ว กาแลนี้เป็นตัวกันไม่ ให้ โกาโ หรือนกทั่วๆไปมาเกาะที่กึ่งกลางจั่ว หน้าบ้าน (กึ่งกลางป้านลม) ทำให้นกพวกนั้นไม่มา ถ่ายมูลรดหลังคาบ้านให้เป็นรอยเปื้อนน่ารังเกียจจะชำระล้างก็ยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งประชาชนนับได้ว่าเป็นสิ่งอวมงคล วัฒนธรรมที่สืบไปจากกระบวนการทำทำการเกษตร คนประเทศไทยในอาณาจักรล้านนามีชีวิตและก็การดำรงชีวิต โดยการดำรงชีพทำการเกษตรเป็นหลัก พื้นที่จำนวนมากเป็นเทือกเขา ช่องเขา Ref: https://www.lovethailand.org/travel/th/1-เชียงใหม่/15660-ประเพณีภาคเหนือ-และวัฒนธรรมภาคเหนือ.html |