Ginger Expert | 19 Jun 2023 09:43 IP Address: |
Administrator |
ความลับที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับขิง
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อวิทยาว่า Zingiber officinale ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของตระกูลขิง (Zingiberaceae) ซึ่งเป็นตระกูลพืชในกลุ่มของพืชอาหารและสมุนไพรในภูมิภาคร้อนของโลก ขิงมีรากที่เป็นส่วนที่ใช้ทาน โดยมีรสชาติร้อนและมีกลิ่นหอม ขิงมีประโยชน์ทางการแพทย์และคุณค่าทางอาหารมากมาย ขิง สามารถนำมาใช้ทำอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มได้หลากหลาย เช่น ขิงอบเปรี้ยว ขิงยำ ชาขิง น้ำผึ้งขิง และน้ำขิง ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ เช่นช่วยในการขับเสมหะ บรรเทาอาการแพ้และอักเสบ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการท้องเสีย เป็นต้น นอกจากนี้ ขิง ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์อีกมากมาย เช่น ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาการอาเจียน บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบของข้อเข่า และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า ขิง อาจมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการใช้ขิงเพื่อการรักษา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและหาคำปรึกษาจากแพทย์หากมีภาวะสุขภาพหรือการใช้ยาเป็นพิเศษ ขิง ที่มีอายุประมาณ 11 - 12 ปีจะมีลักษณะเป็นพืชสั้นต้น มีระบบรากเป็นเหง้าและต้นขิงมีความสูงประมาณ 1 - 1.5 เมตร ใบขิงจะเป็นใบยาวและแคบ ส่วนดอกขิงมีลักษณะเป็นช่อดอกที่สีขาวและมีกลิ่นหอมหวาน ขิง ที่มีอายุ 11 - 12 ปีจะมีรากขิงส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้ดิน รากจะมีลักษณะเป็นเหง้าสีน้ำตาลและมีรสชาติแก่เข้มข้น ในบางครั้งอาจมีการเกิดหน่อขิงจากเหง้าขิงที่มีอายุมากขึ้น ขิง ที่มีอายุใกล้ 12 ปีจะมีรสชาติและกลิ่นของขิงที่เข้มข้นมากขึ้น และมีสารอาหารที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปลูกขิงในระยะเวลานานอาจทำให้ต้นขิงเกิดการเหนียวหนาวหรือเน่า จึงควรมีการดูแลรักษาและการจัดการที่เหมาะสมในการปลูกขิงในระยะเวลายาวนาน รวมทั้งควรตรวจสอบความสมบูรณ์และสภาพของต้นขิงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่สูงสุด สารสกัดจาก ขิง เป็นสารสกัดที่ได้มาจากขิงโดยใช้วิธีการสกัดของสารสกัดจะมีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกระบวนการสกัดที่ใช้ สารสกัดขิงส่วนใหญ่มีส่วนประกอบหลักคือ gingerol, shogaol และ zingerone เป็นต้น สารสกัดจากขิงมีหลายรูปแบบและส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้ - จินเจอร์รอล (Gingerol) เป็นสารสกัดที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบและต้านการออกฤทธิ์ของสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย เช่น prostaglandins ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอาการปวด จินเจอร์รอล ยังมีสมบัติต้านเกร็งของกล้ามเนื้อ และช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย - โชกาออล (Shogaol) เป็นสารสกัดที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบและเป็นสารที่ช่วยลดการติดเชื้อของเชื้อแบคทีเรีย - ซิงเจอโรน (Zingerone) เป็นสารสกัดที่มีกลิ่นหอมและรสชาติพิเศษ มีคุณสมบัติต้านออกฤทธิ์ของสารที่เป็นสาเหตุของอาการอักเสบ และมีฤทธิ์ขับลมในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีสารสกัดอื่นๆ ที่มีความสำคัญในขิง เช่น ระบบสารสกัดของไข่ไนซีน (gingerols) และสารสกัดเทอร์เพนท์ (terpenes) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านออกฤทธิ์ของเชื้อแบคทีเรีย และสารสกัดสารออกฤทธิ์และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย สารสกัดจากขิงมีคุณสมบัติทางสุขภาพที่มีประโยชน์ เช่น ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการปวด กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตามควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อควรระวังของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เมื่อใช้สารสกัดจากขิงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ สารสกัดขิงมีคุณสมบัติทางสุขภาพและการแพทย์ที่มีค่า 1. สมบัติต้านการอักเสบ สารสกัดขิงมีสมบัติต้านการอักเสบซึ่งสามารถช่วยลดอาการอักเสบและบวมได้ เช่นในกรณีการใช้เป็นยาสำหรับการบรรเทาอาการอักเสบของข้อ หรือการรักษาอาการแพ้ท้อง 2. สมบัติต้านเกร็งและบรรเทาอาการปวด สารสกัดขิงมีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบหรือการบาดเจ็บ เช่นในกรณีการใช้เป็นยาสำหรับการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังหรือปวดข้อ 3. สมบัติกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน สารสกัดขิงสามารถกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและส่งผลในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้ 4. สมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดขิงมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่นเชื้อ Salmonella, Escherichia coli (E. coli) และ Bacillus subtilis การใช้สารสกัดขิงสามารถมีในรูปแบบการบริโภคผ่านอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์หรือเสริมสุขภาพ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและปริมาณการใช้ที่ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ สรรพคุณและประโยชน์ของขิง ขิง มีสรรพคุณและประโยชน์มากมายต่อร่างกายและสุขภาพของเรา นี่คือบางสรรพคุณและประโยชน์ที่สำคัญของขิง 1. ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ขิง มีสมบัติต้านการอาเจียนและลดอาการคลื่นไส้ จึงมักถูกใช้ในการบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวหรือสะเทือน เช่น คลื่นไส้ระหว่างการเดินทางหรืออาการอาเจียนที่เกิดจากภาวะแย่งกันระหว่างยาที่ใช้รักษา 2. ช่วยลดอาการอักเสบและบวม ขิง มีสมบัติต้านการอักเสบซึ่งสามารถช่วยในการลดอาการอักเสบและบวมได้ เช่น อาการอักเสบของข้อเข่า ข้อศอก หรือการอักเสบของเส้นประสาท 3. ช่วยบรรเทาอาการปวด สมุนไพร ขิง มีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาอาการปวดที่เกี่ยวกับอาการอักเสบ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน หรือปวดเมื่อยตามตัว 4. ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การบริโภค ขิง สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ โดยเพิ่มปริมาณเซลล์มะเร็งและอัตราการเอาออกของโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านเซลล์มะเร็ง 5. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด การบริโภคขิงอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ที่เป็นเบาหวาน 6. ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต ขิง มีสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดและการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด 7. ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ขิง มีสมบัติต้านการอักเสบและช่วยในการบรรเทาอาการหวัดและไข้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการติดเชื้อ เมื่อมีอาการบวมและอักเสบในทางเดินหายใจ นอกจากนี้ น้ำขิงยังเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติสดชื่นและเป็นที่นิยมในหลายวัฒนธรรม มันสามารถเสริมสร้างร่างกายและสมอง และมีผลกระทบในการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย |